ประเภทของจักรยาน
1. จักรยาน เสือภูเขา
ลักษณะเฉพาะ ของจักรยานประเภทนี้จะใช้เพื่อขับขี่ในสภาพถนนที่ ไม่เรียบซะที่เดียวหรือ อาจเรียกว่าขรุขระเลยก็ว่าได้ เหมาะกันพื้นถนนบ้านเราเป็นอย่างมาก ที่ผู้ขับสามารถพร้อมที่จะหลบหลุมหลบบ่อ จากผิวถนนที่เปรียบดังดวงผิวดวงจันทร์ของ นครหลวงของพวกเราอย่ากทม. แม้ว่าชื่อและวัตถุประสงค์หลักๆ เค้าจะใช้ปั่นกันบนภูเขาเพื่อชมธรรมชาติก็ตาม อย่างไรก็ดีนักปั่นในเมืองกรุง ส่วนมากนั้นจะเลือกจักรยานประเภทนี้เป็นตัวเลือกลำดับแรกๆเพราะว่าด้วยการ ใช้ งานเป็นลักษณะแบบ All in one จะทางเรียบก็ซิ่งได้จะลุยก็จัด ไป แทบจะเรียกว่าเป็นจักรยาน อเนกประสงค์ของผู้เริ่มต้นเลยก็ว่าได้ หรือแม้ว่า วันดีคืนดีเกิดอยากที่จะฉายเดียวทัวริ่งไกลๆสไตล์หมาป่าเดียวดาย ก็ สามารถพร้อมลุยได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ
2.จักรยานทัวริ่ง
ด้วยคำจำกัดตวามจากชื่อของจักรยานประเภทนี้ก็บงบอกในตัวอยู่แล้วว่าทัว ริ่ง ทัวริ่ง คือการเดินทางระยะไกลๆ ชนิดข้ามวันข้ามคืน บางที่ก็ไปเช้าเย็นกลับ หรือที่เรียกกันว่า one day trip หรือบ้างที่ก็ไปกันยาวๆ ค้างคืน เป็นอาทิคย์เป็นเดือนเป็นปีกันเลยที่เดียว หลายคนก็เกิดคำถามแล้วสินะว่าการที่ปั่นจักรยานในระยะทางแบบนั้นแล้วการใช้ ชีวิต ล่ะจะอยู่กันได้อย่างไร แน่นอนที่สุดจักรยานประเภทนี้จะต้องสามารถทำให้ผู้ที่ขับขีอยู่ปั่นอยู่ใน ท่าที่สบาย ที่สุด ตามที่จักรยานสามารถทำได้ดีที่สุดเช่น เบาะต้องมีรูปทรงที่รับกับฐานกระดูรองก้น หรือ Sit bone ระยะของการเอื้อมมือไปจับแฮนด์องศาจะต้องไม่ใกล้หรือไกลเกินไป หากไกลไปเอื้อมนานๆ ก็จะทำให้ปวดเมื่อยบริเวณต้นคอ หรือหากระยะเอื้อมชิดเกินไป บริเวณข้อมือ และข้อศอกก็จะเกร็งทำให้เกิดการเมื่อยล้าได้ อีกทั้งเฟรมจักรยานจะต้องสามารถรองรับน้ำหนัก ในการบรรทุก และ ความทนทานต้องสภาพถนนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แน่หละคงไม่มีคน ไหนอยากไปเฟรมร้าวหรือ หัก ที่ใจกลางป่าหรือภูเขาเป็นอย่างแน่ ดั้งนั้นจักรยานประเภทนี้จะต้องมีความทนทานเป็นอย่างมาก และยังต้องสามาถที่จะดูแลรักษาได้ง่ายอีกด้วย
3.จักรยานเสือหมอบ
จักรยานประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่่นชอบในความเร็ว พุ่งปรู๊ดปราด หนีเพื่อนให้เพื่อนไล่ตาม กันลิ้นห้อยด้วยโครงสร้างของจักรยานประเภทนี้ที่มีวงล้อที่ใหญ่ 700cแต่จะมีหน้ายางที่แคบอีกทั้งอัตรการทดของจานหน้าที่กว้างนั้นได้ส่งพลังมายังเฟืองหลังทีเล็กทำให้ได้รองการปั่นที่สูงหรือที่เรียกว่าพลังสปินอีกทั้งมีแฮนด์มือจับที่มีลักษณะโค้งงอลงเพื่อให้ผู้ปั่นสามารถจับแฮนด์และก้มได้ต่ำเพื่อมุดลมหรือเรียกว่าการทำAerodynamicsแน่นอนที่สุดการที่ไร้ซึ่งแรงต้านวัตถุก็สามารถทำความเร็วได้มากขึ้นความเร็วที่จักรยานประเภทนี้ทำได้จะอยู่ในช่วง 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือว่าหากผู้ปั่นที่สภาพร่างกายที่ฟิตและอีกทั้งสามารถลดน้ำหนักของเจ้าจักรยานด้วยการเปลี่ยนวัสดุเป็นวัสดุคาร์บอนซึ่งมี คุณสมบัติที่เบาแต่แข็งแรง แล้ว top speed อาจทำได้ถึง 50+ กันเลยที่เดียว
4. จักรยาน อเนกประสงค์ หรือจักรยานพับได้
ด้วยความที่เมืองหลวงอย่าง กทม. หรือ เมืองหลวงใหญ่ต่างๆในโลกนี้ ประสพกับสภาพปัญหาไม่ได้ต่างกันคือ การจราจร ที่ติดขัด มลพิษที่เสื่อมโทรม หลายต่อหลายแห่งรนณรงค์ที่จะเปลี่ยนมาใช้จักรยานแทนการเดินทางโดยใช้รถยนต์ เพื่อประหยัดการใช้ทรัพยากรประเภทน้ำมัน จึงได้เกิดจักรยานประเภท city bike ขึ้นมา คุณลักษณะหลักที่จักรยานประเภทนี้มีก็คือ น้ำหนักเบา สามารถพับได้ เพราะบางครั้งผู้ใช้อาจต้องพับเพื่ออาศัยการเดินทางประเภทอื่นประกอบกันด้วย เช่นปั่นจากบ้านไป สถานีรถไฟฟ้า พับจักรยาขึ้นรถไฟ ลงรถไฟ กางจักรยานเพื่อปั่นต่อเข้าซอยเพื่อไปทำงานที่ออฟิตท้ายซอยเป็นต้น ส่วนมากแล้วจะใช้ปั่นที่ในระยะทางสั้นที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็วมากซัก เท่าไรนัก หรือในวันหยุด weekend ครอบครัวอาจจะพับจักรยาน และเก็ยท้ายรถเพื่อนำไปปั่นเรียบฝั่งชายทะเลหัวหิน ก็ยังไหว
Last Updated (Wednesday, 16 December 2015 10:25)